1. **การลดลงของต้นทุนการผลิต**: ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและการผลิตในปริมาณที่มากขึ้น ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้ลดลงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในปี 2010 ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอยู่ที่ประมาณ $1,100 ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) แต่ในปี 2020 ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ $137 ต่อ kWh และคาดว่าจะลดลงไปอีก
2. **การพัฒนาวัสดุใหม่**: การวิจัยและพัฒนาวัสดุแบตเตอรี่ใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ลิเธียม-ซัลเฟอร์ แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออน และแบตเตอรี่สถานะของแข็ง (solid-state) ซึ่งมีศักยภาพในการลดต้นทุนและเพิ่มความจุของแบตเตอรี่
3. **การผลิตแบตเตอรี่ในปริมาณมาก**: การเพิ่มขึ้นของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (gigafactories) เช่น โรงงานของ Tesla, Panasonic, CATL และอื่นๆ ช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตและลดต้นทุนต่อหน่วยของแบตเตอรี่
4. **ความต้องการที่เพิ่มขึ้น**: ความต้องการแบตเตอรี่ EV ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและการใช้งานในพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) ส่งผลให้มีการลงทุนและการวิจัยเพิ่มเติมในเทคโนโลยีแบตเตอรี่
5. **การเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบ**: ราคาของวัตถุดิบที่สำคัญ เช่น ลิเธียม โคบอลต์ นิกเกิล มีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาของแบตเตอรี่ในบางช่วงเวลา แต่การวิจัยวัสดุทดแทนและการรีไซเคิลแบตเตอรี่สามารถช่วยลดผลกระทบนี้ได้
6. **นโยบายภาครัฐและสิ่งแวดล้อม**: การสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลกในรูปแบบของนโยบายภาษีสนับสนุน การให้เงินสนับสนุน และการตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยกระตุ้นการพัฒนาและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ แนวโน้มราคาของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงและสามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้มากขึ้น ส่งผลให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดโลก