สถานีชาร์จรถไฟฟ้า บึงกาฬ

ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า บึงกาฬ

ประวัติ จังหวัดบึงกาฬ

จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่กว้างถึง 16,494.7 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 380,000 คน จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของศาสนสถานใหญ่ของพุทธศาสนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ วัดศรีหน้าเมือง และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายเช่น อุทยานแห่งชาติดอกคำ สวนสาธารณะน้ำตกคำพราน วัดศรีหน้าเมือง และเขาหินฝน ซึ่งมีภูมิปัญญาพื้นเมืองเกี่ยวกับตำนานและประเพณีของชาวบ้านด้วย
จังหวัดบึงกาฬเดิมเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ในปี พ.ศ. 2495 ได้ถูกแบ่งออกมาเป็น 3 อำเภอ คือ บึงกาฬ พรเจริญ และเมืองไผ่ ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการปรับเปลี่ยนเขตแดนกับประเทศลาว ทำให้จังหวัดบึงกาฬได้กลายเป็นจังหวัดชายแดนติดกับประเทศลาว
ในปี พ.ศ. 2539 ได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่อำเภอ และกลายเป็น 9 อำเภอ คือ บึงกาฬ ศรีวิไล นาดูน คุระ ลำปาว บุ่งคล้า พรเจริญ โนนดินแดง และเมืองไผ่
เพิ่มเพื่อน
คามเป็นมา

จังหวัดบึงกาฬ

จังหวัดบึงกาฬ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ 8,199.5 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 375,000 คน (ตามข้อมูลปี พ.ศ. 2564) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาเมือง นอกจากนี้ จังหวัดบึงกาฬยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ เช่น ลำน้ำโขงและอุทยานแห่งชาติภูผาผึ้ง ซึ่งทำให้เป็นจุดหมายประสงค์ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวพื้นบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
อำเภอเมืองบึงกาฬ
อำเภอเซกา
อำเภอโซ่พิสัย
อำเภอพรเจริญ
อำเภอโนนคูณ
อำเภอชานุมาน
อำเภอเบญจลักษ์
อำเภอปากคาด
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น - น้ำตกสวยงามที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติพนมทางด้านตะวันออกของจังหวัดบึงกาฬ มีความสูงประมาณ 30 เมตร และมีพื้นที่ใกล้เคียงเป็นที่อยู่อาศัยของช้างเลี้ยง
หินสามวาฬ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว
ถ้ำนาคา
ภูทอกใหญ่
น้ำตกเจ็ดสี

สถานีชาร์จรถไฟฟ้า บึงกาฬ